วัดไผ่โรงวัว ต้นตำนานเปรตและนรกภูมิ
โดยป่าน ศรนารายณ์ เรื่อง-ภาพ
ตอนป่านเป็นเด็กๆ แม่ชอบเล่าเรื่องนรกภูมิให้ฟังตอนที่นอนเรียงกันบนเสื่อกกนอกชานหน้าบ้าน ภายใต้แสงดาวพราวพร่างกลางเวลานับล้านๆดวง แต่เดือนยังไม่โผล่พ้นทิวไม้หลังวัด บรรยากาศอึมครึมน่ากลัว พวกเราห้าพี่น้องนอนเบียดกันแน่น โดยมีแม่เป็นคนกลาง แม่เล่าว่าถ้าเด็กคนไหนด่าพ่อล่อแม่ของตนเองและของเพื่อน ชาติหน้าจะมีปากเล็กเท่ารูเข็ม แล้วก็ถามว่า รู้ไหมรูเข็มเล็กแค่ไหน และถ้าใครก็ตามที่ถึงขั้นตบตีพ่อแม่หรือผู้มีพระคุณชาติหน้าเกิดมาจะมีมือและเท้าใหญ่เท่าใบตาล แล้วแม่ก็ถามว่าใบตาลใหญ่ไหม พวกเราทั้งกลัวและทั้งเกรง
ป่านจำไม่ได้ว่าเคยไปเห็นที่ไหน แต่ได้ยินเสียงร่ำลือกันหนาหูเมื่อโตเป็นนักเรียนชั้นมัธยมตอนต้นว่า ที่วัดไผ่โรงวัว ตำบลบางตาเถร อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี มีนรกภูมิแสดงไว้อย่างยิ่งใหญ่อลังการ มีทั้งเรื่องที่แม่เล่าให้ฟังว่ามีเปรตมือตีนใหญ่เท่าใบตาล มีเปรตปากเล็กเท่ารูเข็ม มีกระทะทองแดงของพวกที่ชอบกินเหล้าเมายาถูกคีมเหล็กอ้าปากแล้วใส่แทงถ่านร้อนๆให้กินแทน มีแม้กระทั่งผู้ชายที่ชอบเป็นชู้กับเมียเขาปีต้นงิ้วแล้วยมบาลใช้หอกทิ่มแทงจนเลือดไหลนอง ฟังแล้วก็อยากไปเห็น แต่ก็ไม่ได้ไป
ป่านเพิ่งได้ไปเมื่อไม่นานมานี้เอง ไปไม่ยากเลย วิ่งรถยนต์จากถนนสายตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี ไปเรื่อยๆจนถึงแยกหน้าตลาดลาดบัวหลวง อำเภอหนึ่งของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา แล้วเลี้ยวขวาไปตามถนนสายลาดบัวหลวง-อำเภอสองพี่น้อง จะผ่านหน้าวัดไผ่โรงวัวพอดี ไม่ไกลเกินที่จะขับรถไปเยี่ยมยามตามความอยากรู้อยากเห็น(70 กม.) แต่เมื่อไปถึงแล้ว ป่านพยายามมองหานรกภูมิที่ว่า ก็หาไม่พบ ได้พบเห็นแต่สิ่งก่อสร้างยิ่งใหญ่อลังการไปทั่วบริเวณวัด สวยเสียจนต้องถ่ายรูปมากกว่าไปวัดไหนๆ
กลับมาแล้วจึงค้นคว้าได้ความว่า วัดนี้เป็นสำนักสงฆ์มาก่อน ราวๆปีพ.ศ. 2469 มีศาลากับกุฎิ รวม 3 หลัง กุฏิสร้างมุงด้วยหญ้าคา และมีน้ำท่วมทุกปีเนื่องจากเป็นที่ราบลุ่ม
ส่วนเจ้าอาวาสนั้นชื่อว่าพระครูอุภัยภาดาธร เดิมชื่อเป้าแต่เพื่อนๆชอบเรียกว่า ขอม ก็เลยเป็นขอมเรื่อยมา บวชแล้วจำพรรษาที่วัดบางสาม แต่เมื่อถูกนิมนต์มาเป็นเจ้าอาวาสวัดไผ่โรงวัวก็รู้สึกว่าภูมิความรู้ไม่เพียงพอจะเทศนาธรรมได้ จึงได้ไปจำพรรษาที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดสุพรรณบุรี สอบได้นักธรรมเอกแล้วจึงได้กลับมาเป็นเจ้าอาวาสวัดไผ่โรงวัวดังเดิม
หลวงพ่อขอมเริ่มสร้างวัดด้วยการถมที่ดินให้เป็นดอนน้ำท่วมไม่ถึง สร้างศาลาการเปรียญ ขุดสระน้ำไว้ใช้ในวัดและให้ชาวบ้านโดยรอบใช้ได้ด้วย สร้างโบสถ์ จนเป็นวัดที่สมบูรณ์ หลวงพ่อได้สร้างพุทธสถานอีกหลากหลายประการอาทิเช่น สร้างวิหารร้อยยอด สร้างพระพุทธโคดมหล่อด้วยสำริดหน้าตักกว้าง 10 เมตร สูง 26 เมตร เมื่อปีพ.ศ.2502-2519 รวม 17 ปี ในการยกเกศขึ้นประดิษฐาน พระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ได้ทรงเสด็จมาประกอบพระราชพิธีเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2512
ได้สร้างสังเวชนียสถาน 4 แห่งคือ สถานที่ประสูติ ตรัสรู้ ปฐมเทศนา ปรินิพพาน เพื่อให้พุทธบริษัทได้ชมและกราบไหว้ ดดยไม่ต้องไปถึงประเทศอินเดีย นอกจากนี้ท่านยังได้สร้างนรกภูมิเพื่อแสดงธรรมสาธิตแก่พุทธศาสนิกชน หล่อธรรมจักรใหญ่ที่สุดในโลก สร้างพระกะกุสันโธ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปใหญ่ที่สุดในโลก ณ เวลานั้น ในการสร้างพุทธสถานเหล่านี้ หลวงพ่อขอมได้อธิษฐานจิตสร้างพระเครื่องไว้มากมายเพื่อให้ญาติโยมบูชาไปไว้ ส่วนรายได้ก็นำมาสร้างเป็นสิ่งที่กำลังต้องสร้างดังกล่าว
พระเครื่องหลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัวที่ได้รับความนิยมมากก็เช่น เหรียญรูปไข่ รุ่นแรก(บล็อกตาแตก) เหรียญรูปไข่รุ่นสอง (บล็อคหน้าหนุ่ม) และรุ่นพระกำแพงศอก รวม 7 พิมพ์ หลวงพ่อขอมเคยปรารถนาที่จะสร้างพระให้ด้ 10 ล้านองค์หรือเท่ากับ 1 ล้านโกฏิ โดยเริ่มสร้างมาตั้งแต่ปีพ.ศ.2473 เป็นต้นมา
หลวงพ่อขอมมรณะภาพเมื่อ 7 มกราคม 2533 อายุ 88 ปี 68 พรรษาบวช หลังหลวงพ่อขอมสิ้น วัดเสื่อมโทรมลงจนน่าเป็นห่วง จากสภาพที่เคยมีพุทธบริทแวะเวียนไปกราบไหว้ได้กลายเป็นวัดรกร้าง ชำรุด และไม่มีผู้เหลียวแล จนกระทั่งนายบรรหาร ศิลปอาชา ได้เข้ามาดำเนินการจนกระทั่งปัจจุบันนี้ วัดสะอาด สวยงาม น่าเลื่อมใสศรัทธาเหมือนเมื่อครั้งที่หลวงพ่อขอมอยู่ ซึ่งนายบรรหารได้ประสานงานจนได้งบประมาณจากการท่องเที่ยวแห่งประเทสไทยไปนับร้อยๆล้านบาท บูรณะปฏิสังขรณ์ใหม่
ปลาสลิดแดดเดียวก็ฟื้นคืนชีพ มีขายกันทั่วทุกร้านค้ารอบๆบริเวณวัดดังเดิม